Home Blog

8 เคล็ดลับกินให้อิ่มนาน ลดหิวระหว่างวัน

0

8 เคล็ดลับกินให้อิ่มนาน ลดหิวระหว่างวัน

หลายคนอาจเคยตั้งใจลดน้ำหนักแบบจริงจัง แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับความหิว กินคลีนได้ไม่กี่วันก็เผลอไปคว้าขนมตอนบ่ายทุกที ความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องผิดหรอก  เพราะความหิวเป็นสิ่งที่ควบคุมยาก แต่ถ้าเราปรับวิธีกินสักหน่อยก็ช่วยให้อิ่มนาน ไม่โหยบ่อย และยังลดน้ำหนักได้แบบไม่ทรมาน วันนี้เลยมี 8 เทคนิคกินให้อิ่มนาน ที่ทำง่าย ใช้ได้จริง มาฝากทุกคนกัน

เริ่มวันด้วยมื้อเช้าที่มีโปรตีน

การกินโปรตีนตั้งแต่มื้อเช้าช่วยควบคุมความหิวไปได้ทั้งวัน แทนที่จะเริ่มเช้าด้วยกาแฟดำและขนมปังเปล่า ๆ ลองเพิ่มโปรตีนเข้าไป เช่น ไข่ต้ม, อกไก่, โยเกิร์ต หรือเวย์โปรตีน เพราะโปรตีนย่อยช้ากว่าแป้ง ทำให้อิ่มนาน แถมยังช่วยรักษามวลกล้ามเนื้ออีกด้วย เหมาะสุด ๆ สำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักโดยไม่ต้องทนทรมานกับความหิว

กินไขมันดีให้พอ

อย่าเพิ่งกลัวคำว่า “ไขมัน” เพราะไขมันดีจริง ๆ ช่วยให้อิ่มนานกว่าคาร์บแบบข้าวขาวหรือขนมปังขาว ลองเติมอะโวคาโด, ถั่วต่าง ๆ, เมล็ดแฟลกซ์, น้ำมันมะกอก หรือแม้แต่ไข่แดงลงในมื้ออาหาร ก็จะช่วยให้อยู่ท้อง ไม่โหยหาของกินเล่นตอนบ่าย

เลือกคาร์บเชิงซ้อนแทนคาร์บขัดสี

ถ้าอยากอิ่มนานแบบไม่หิวบ่อย ต้องเลือกคาร์บให้เป็น! คาร์บเชิงซ้อนอย่างข้าวกล้อง, ข้าวโอ๊ต, มันม่วง หรือขนมปังโฮลวีต มีไฟเบอร์สูง ย่อยช้ากว่าแป้งขาว ช่วยคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ไม่พุ่งหวือหวาแบบคาร์บขัดสี เลือกคาร์บฉลาด ๆ รับรองว่าไม่ต้องหาของกินเล่นระหว่างวันบ่อย ๆ

เพิ่มไฟเบอร์จากผักและผลไม้

ไฟเบอร์คือเคล็ดลับความอิ่มนานแบบสุขภาพดี! แค่เติมผักในทุกมื้ออาหาร หรือเลือกผลไม้ที่น้ำตาลไม่สูง เช่น แอปเปิ้ล, ฝรั่ง, เบอร์รี่ หรือแก้วมังกร ก็ช่วยให้ระบบย่อยทำงานดีขึ้น แถมยังทำให้อิ่มนานโดยไม่ต้องเพิ่มแคลอรีเกินจำเป็น

กินให้ช้า เคี้ยวให้ละเอียด

ไม่ใช่แค่ “กินอะไร” แต่ “กินอย่างไร” ก็สำคัญ! ลองเคี้ยวอาหารช้า ๆ และเคี้ยวให้ละเอียด จะช่วยให้สมองมีเวลารับสัญญาณว่าอิ่มแล้ว ลดโอกาสกินเกินโดยไม่รู้ตัว แถมยังทำให้อิ่มง่ายขึ้น และพอใจกับปริมาณอาหารที่กินมากกว่าเดิม

อย่ากลัวของว่าง แต่เลือกให้ฉลาด

ของว่างไม่ใช่ตัวร้าย ถ้าเลือกให้ถูก แทนที่จะหยิบขนมหวานหรือน้ำตาลสูง ลองเลือกของว่างที่มีโปรตีน ไฟเบอร์ หรือไขมันดี เช่น อัลมอนด์ไม่ใส่เกลือ ไข่ต้ม โยเกิร์ตไม่หวาน หรือผลไม้สด ของว่างที่ดีจะช่วยคุมความหิว ไม่ทำให้น้ำตาลพุ่ง

ดื่มน้ำให้พอ

บางทีความหิวที่เรารู้สึก อาจเป็นแค่ “กระหายน้ำ” ก็ได้! ลองดื่มน้ำสักแก้วก่อนหาของกิน โดยเฉพาะช่วงสายหรือบ่าย จะช่วยลดความอยากอาหารได้ง่าย ๆ ควรดื่มวันละ 2–3 ลิตรตามกิจกรรมในแต่ละวัน แต่จำไว้ว่า น้ำไม่สามารถแทนมื้ออาหารได้ เพราะร่างกายยังต้องการพลังงานจากอาหารเพื่อให้ทำงานได้เต็มที่

จัดมื้อให้สมดุล

อย่ากินแค่โปรตีนล้วนหรือผักอย่างเดียว เพราะความอิ่มจะอยู่ได้ไม่นาน ควรจัดจานอาหารให้ครบทั้ง โปรตีน + คาร์บเชิงซ้อน + ไขมันดี ในสัดส่วนที่เหมาะสม เช่น อกไก่ย่าง + มันหวาน + ผักย่างราดน้ำมันมะกอกเล็กน้อย แบบนี้ทั้งอิ่มนาน ได้สารอาหารครบ และไม่โหยระหว่างวันแน่นอน

แหล่งที่มา : www.sanook.com

เปิดใจผ่านสีโปรด ทายนิสัยลึก ๆ จากสีที่คุณหลงรัก

0

เปิดใจผ่านสีโปรด ทายนิสัยลึก ๆ จากสีที่คุณหลงรัก

รู้ไหมว่า “สีโปรด” ของแต่ละคนสามารถสะท้อนตัวตนลึก ๆ ได้มากกว่าที่คิด? ไม่ว่าจะเป็นนิสัย บุคลิก หรือมุมมองที่คนอื่นอาจไม่เคยรู้ ลองมาทายนิสัยจากสีที่คุณชอบกันดูหน่อย ว่าตรงกับตัวตนของคุณแค่ไหน

สีขาว

หากคุณเป็นคนที่ชอบสีขาว นั่นสะท้อนว่าคุณรักความเรียบง่าย สุขุม และไม่ชอบความวุ่นวาย คุณมีจิตใจอ่อนโยน ละเมียดละไม และมักเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับคนรอบข้าง แม้จะรักความสงบและดูเงียบ ๆ แต่ลึก ๆ แล้วคุณมีความมั่นใจในตัวเองและมีจุดยืนที่ชัดเจน ไม่หวั่นไหวไปตามใครง่าย ๆ

สีเทา

หากคุณชอบสีเทา นั่นบ่งบอกว่าคุณเป็นคนสุขุม รอบคอบ และวางตัวดีอย่างน่าประทับใจ คุณมีมารยาทในการเข้าสังคมและรู้จักกาลเทศะเป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นผู้ฟังที่ดี เก็บความลับเก่ง และมักจะได้รับความไว้วางใจจากเพื่อน ๆ ให้เป็นที่ปรึกษาเสมอ แม้ภายนอกจะดูนิ่ง ๆ แต่ภายในเต็มไปด้วยความเข้าใจและลึกซึ้งในความรู้สึกของผู้อื่น

สีดำ

ถ้าคุณชอบสีดำ แสดงว่าคุณเป็นคนลึกลับ เข้าถึงยาก และมักสร้างกำแพงบางอย่างไว้รอบตัว คุณให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนตัว ไม่ชอบเปิดใจง่าย ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความมั่นคงในอุดมการณ์และหลักการของตัวเองสูงมาก เป็นคนที่คิดลึก รอบคอบ และสามารถรับมือกับปัญหาหรือสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดีแบบไม่แพ้ใครเลยทีเดียว

สีเขียว

ถ้าคุณชอบสีเขียว แสดงว่าคุณเป็นคนที่ใจเย็นแต่ขณะเดียวกันก็มีพลังและความกระตือรือร้นในตัวสูง เป็นคนขยัน มีความรับผิดชอบ ชอบทำงานให้เสร็จก่อนเวลา และมักแสดงออกถึงความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยวอย่างชัดเจน นอกจากนี้คุณยังเป็นคนที่จริงใจกับเพื่อน เต็มที่กับทุกความสัมพันธ์ จึงมักเป็นที่รักของคนรอบข้างเสมอ

สีเหลือง

ถ้าคุณชอบสีเหลือง นั่นบ่งบอกว่าคุณเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองในแบบที่สดใส ร่าเริง และมีเสน่ห์เป็นธรรมชาติ คุณมองโลกในแง่ดี ไม่ชอบแบกความเครียดไว้กับตัว ชอบความสนุกสนาน หัวไว มีไอเดียสร้างสรรค์อยู่เสมอ และมักเป็นคนที่อยู่แล้วบรรยากาศรอบข้างก็สดใสตามไปด้วย

สีส้ม

ถ้าคุณชอบสีส้ม แสดงว่าคุณเป็นคนที่มีหัวใจของศิลปิน รักในงานสร้างสรรค์และมีมุมมองที่แตกต่างไม่เหมือนใคร คุณเฟรนด์ลี่ เข้ากับคนง่าย มีมนุษย์สัมพันธ์ดี เป็นคนอารมณ์ดี สดใส และมักเป็นศูนย์กลางความสนุกในกลุ่มเพื่อน เพราะคุณมีพลังบวกที่ดึงดูดคนรอบตัวเสมอ

สีแดง

ถ้าคุณชอบสีแดง แสดงว่าคุณเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูง มีความเป็นผู้นำ ชัดเจนในความคิดและการกระทำ กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ ชอบความท้าทายและไม่ชอบอะไรซับซ้อน แต่บางครั้งอาจเผลอแสดงอารมณ์รุนแรงหรือพูดตรงเกินไป จนดูไม่เกรงใจใครได้เช่นกัน

สีชมพู

ถ้าคุณชอบสีชมพู นั่นบ่งบอกว่าคุณเป็นคนอ่อนโยน อ่อนไหว มองโลกในแง่ดี มีเสน่ห์แบบน่าทะนุถนอม ใครอยู่ใกล้ก็มักจะรู้สึกอบอุ่นใจ แต่ลึก ๆ แล้วคุณอาจเป็นคนที่กลัวการเปลี่ยนแปลง ไม่ชอบความไม่แน่นอน และมักยึดติดกับความคุ้นเคยหรือสิ่งที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยเสมอ

สีฟ้า

หากคุณชอบสีฟ้า แสดงว่าคุณเป็นคนช่างคิด มีจินตนาการสูง รักความสงบและความโรแมนติก ไม่ชอบความวุ่นวายหรือดราม่าใด ๆ มักเลือกถอยห่างจากความขัดแย้งอย่างนุ่มนวล พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี และมีมุมลึก ๆ ที่ละเอียดอ่อนและเข้าใจความรู้สึกของคนรอบข้างเป็นอย่างดี

สีน้ำเงิน

หากคุณชอบสีน้ำเงิน แสดงว่าคุณเป็นคนมีความเป็นผู้นำสูง รอบคอบ และตัดสินใจบนพื้นฐานของเหตุผลและแผนที่วางไว้อย่างดี คุณมีความสงบน่าเชื่อถือ เทสดี รสนิยมดี และมักชอบความเรียบหรู สง่างาม มีเสน่ห์แบบสุขุมลุ่มลึก

สีม่วง

หากคุณชอบสีม่วง คุณเป็นคนที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์แบบนอกกรอบ ไม่ชอบความจำเจหรือเดินตามใคร มักมองหาแนวทางใหม่ๆ ให้กับชีวิต ในขณะเดียวกัน คุณก็ใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยอย่างประณีต เป็นคนที่มีความรู้สึกแรงกล้า มีความตื่นตัวทั้งด้านอารมณ์และความสัมพันธ์ เป็นคนลึกซึ้งและน่าค้นหาเสมอ

แหล่งที่มา : www.sanook.com

สมุนไพรตัวเด็ด เคลียร์ทุกปัญหาผิวเมืองร้อน

0

สมุนไพรตัวเด็ด เคลียร์ทุกปัญหาผิวเมืองร้อน

อากาศร้อนจัดของเมืองไทย บวกกับฝุ่น ควัน และมลภาวะต่าง ๆ ทำให้หลายคนไม่อยากออกจากบ้านกันเลยใช่ไหม แค่เดินไปปากซอย เหงื่อก็ท่วม หน้ามัน เมคอัพละลาย แถมสิวยังผุดไม่หยุด ใช้ครีมอะไรก็กลัวจะแพ้ ผิวพังเข้าไปอีก แต่รู้ไหมว่าสมุนไพรไทยใกล้ตัวเรานี่แหละคือฮีโร่กู้ผิว

เพราะหลายชนิดมีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลม ฟื้นฟู และเสริมเกราะป้องกันผิวได้โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีแรง ๆ ให้เสี่ยงแพ้ วันนี้เราเลยรวบรวม “10 สมุนไพรตัวเด็ด” ที่ช่วยกู้ผิวสวยในทุกสภาพอากาศเมืองไทยมาให้แบบครบ จบในโพสต์เดียว

ขมิ้นชัน ผิวเนียนใส ลดสิวแบบธรรมชาติ

ขมิ้นคือไอเท็มยอดนิยมในการบำรุงผิว ลดสิว ลดการอักเสบ ต่อต้านเชื้อรา และช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสแบบปลอดภัย

ใบบัวบก ลดรอยสิว ฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยน

ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดรอยแผลเป็น และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวเนียนเด้ง

ฟ้าทะลายโจร ตัวช่วยสิวอักเสบแบบไม่พึ่งยาแรง

อัดแน่นด้วยสารแอนโดรกราโฟไลด์ ช่วยลดอาการอักเสบของผิว สิวหนอง สิวแดง ให้ยุบตัวไวขึ้น

ทานาคา ต้านริ้วรอย ผิวเนียนกระจ่างใส

มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ลดการระคายเคือง จุดด่างดำ ผื่นคัน และทำให้ผิวเรียบเนียน ดูสุขภาพดี

ว่านหางจระเข้ ปลอบผิวไว ลดรอยแดงแบบทันใจ

ฤทธิ์เย็นจากว่านหางช่วยลดอาการแสบคัน บวมแดง พร้อมเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มน้ำไม่แห้งลอก

ใบสะเดา ลดการอักเสบ รอยแดง รอยสิวหายไว

ถึงจะขมแต่ดี สะเดาช่วยสมานผิว ลดผดผื่น พร้อมต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น

มะขามเปียก ผิวขาวใส ขจัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ

มี AHA และวิตามิน C สูง ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ลดรอยคล้ำ ฝ้า กระ และสิวเสี้ยน

ใบตำลึง ลดผดผื่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ

สมุนไพรใกล้ครัวที่มีวิตามินแน่น ๆ ใช้พอกหน้าช่วยลดสิวอักเสบ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอขึ้น

ใบพลู ผิวสะอาด ลดสิวเสี้ยน ริ้วรอยดูจางลง

สารต้านอนุมูลอิสระในใบพลูช่วยชะลอวัย พร้อมลดการอุดตัน ทำความสะอาดผิวและผลัดเซลล์อย่างอ่อนโยน

ใบเตย ผิวหอม ผ่อนคลาย ลดผื่นคัน

นอกจากกลิ่นหอมสดชื่นแล้ว ใบเตยยังช่วยลดอาการแพ้ ระคายเคือง และผดผื่นคันได้ดี เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย

แหล่งที่มา : sistacafe.com

5 ของจำเป็นติดกระเป๋านักเรียน รับมือหน้าฝนแบบไม่มีสะดุด

0

5 ของจำเป็นติดกระเป๋านักเรียน รับมือหน้าฝนแบบไม่มีสะดุด

เมื่อฤดูฝนมาเยือน นักเรียนหลายคนคงเคยเจอกับปัญหาชุดเปียก รองเท้าแฉะ หนังสือเปียกยุ่ย จนหมดสภาพตั้งแต่ยังไม่เริ่มเรียน แต่ไม่ต้องกังวลไป ถ้าเราเตรียมตัวให้พร้อม ปัญหาเหล่านี้ก็จัดการได้ไม่ยาก วันนี้เรารวม “5 ไอเทมหน้าฝน” ที่ควรมีติดกระเป๋าไว้ทุกวันช่วยให้ใช้ชีวิตในโรงเรียนได้แบบไม่สะดุด ไม่ว่าจะฝนปรอยหรือฝนเท จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

ร่ม

“ร่ม” ถือเป็นไอเทมกันฝนพื้นฐานที่ต้องมีติดตัวในหน้าฝน ไม่ว่าจะเป็นร่มคันยาวหรือร่มพับแบบคันสั้นที่พกพาสะดวก ใส่ในกระเป๋านักเรียนได้สบาย ๆ เลือกแบบที่ถนัดและเหมาะกับการใช้งาน แล้วอย่าลืมหยิบติดตัวออกจากบ้านทุกครั้ง เพราะไม่มีอะไรช่วยกันฝนได้ดีเท่าร่มอีกแล้ว

เสื้อกันฝน

อีกหนึ่งไอเทมจำเป็นของหน้าฝนที่ไม่ควรมองข้ามคือ เสื้อกันฝน เพราะพกพาง่าย เก็บสะดวก และป้องกันฝนได้ทั่วทั้งตัวมากกว่าร่ม ไม่เพียงแต่ช่วยให้ตัวไม่เปียก ยังช่วยป้องกันกระเป๋านักเรียนและของใช้ไม่ให้เสียหายจากน้ำฝนอีกด้วย เรียกได้ว่าทั้งคุ้มค่าและใช้ได้จริงในทุกวันฝนตก

รองเท้าแตะ

รองเท้าแตะ ถือเป็นตัวช่วยชีวิตในหน้าฝนของนักเรียนทั้งชายและหญิงเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อฝนตกแรงจนพื้นเฉอะแฉะ หากฝืนใส่รองเท้านักเรียนลุยน้ำ ไม่เพียงแต่เปียกชุ่มทั้งวัน ยังอาจแห้งไม่ทันวันรุ่งขึ้นอีกด้วย การพกรองเท้าแตะไว้เปลี่ยนจึงเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด ทั้งสะดวกสบายและช่วยถนอมรองเท้านักเรียนให้ใช้งานได้นานขึ้นอีกด้วย

ผ้าขนหนูเล็ก ๆ / ผ้าเช็ดหน้า

เวลาฝนตกแล้วหัวเปียก หากปล่อยไว้นานอาจเสี่ยงเป็นหวัดจากความชื้นสะสมได้ง่าย เพื่อป้องกันไม่ให้ป่วยจนต้องหยุดเรียน ควรพกไอเทมช่วยซับความเปียกอย่าง ผ้าเช็ดผมหรือผ้าขนหนูผืนเล็ก ติดกระเป๋าไว้เสมอ จะได้เช็ดผมให้แห้งทันทีที่โดนฝน ลดโอกาสไม่สบายในวันเรียนสำคัญได้มากเลย

ยาลดไข้

กันไว้ดีกว่าแก้ การพกยาลดไข้หรือยาพาราเซตามอลติดกระเป๋าไว้ช่วงหน้าฝน ถือว่าเป็นการเตรียมพร้อมที่ดีมาก เพราะถ้าวันไหนลืมพกร่มหรือเสื้อกันฝนจนตัวเปียก ยาลดไข้นี่แหละจะช่วยบรรเทาอาการไม่สบายเบื้องต้นได้ทันที พกไว้ไม่เสียหาย เพิ่มความอุ่นใจแบบชิค ๆ

แหล่งที่มา : www.sanook.com

LGBTQIA+ คืออะไร เข้าใจทุกตัวอักษรในสายรุ้งแห่งความหลากหลาย

0
LGBTQIA+

LGBTQIA+ คืออะไร เข้าใจทุกตัวอักษรในสายรุ้งแห่งความหลากหลาย

ความหลากหลายทางเพศไม่ใช่เรื่องใหม่ของมนุษย์ แต่เป็นสิ่งที่มีอยู่ในทุกยุคสมัย เพียงแค่ในอดีตอาจยังไม่เปิดกว้างหรือยอมรับเท่าปัจจุบัน LGBTQIA+ จึงไม่ใช่เทรนด์หรือโรค แต่คือธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ที่มีอยู่หลากหลายรูปแบบมาตลอด บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจความหมายของแต่ละตัวอักษรใน LGBTQIA+ อย่างชัดเจน เข้าใจง่าย และร่วมเปิดใจยอมรับความแตกต่างอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น

LGBTQIA+

LGBTQIA+ คืออะไร

LGBTQIA+ คือคำที่ใช้แทนกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งรวมถึงอัตลักษณ์ทางเพศที่หลากหลายมากกว่าชายหรือหญิงตามหลักชีววิทยา ในอดีต ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศมักถูกสังคมตีตรา กีดกัน และมองว่าเป็นสิ่งผิดปกติ แต่ความเป็นจริงคือความหลากหลายทางเพศมีอยู่มานานในหน้าประวัติศาสตร์ ไม่ใช่เรื่องใหม่หรือกระแสนิยมในปัจจุบัน เช่นเดียวกับกรณีของอีลีนอร์ ไรเคนอร์ในศตวรรษที่ 14 หรือชายรักชายในยุค 1950 สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่าอัตลักษณ์ทางเพศเป็นเรื่องธรรมชาติที่ควรได้รับการยอมรับอย่างเท่าเทียมในสังคมปัจจุบัน

รู้จักความหมาย LGBTQIA+ แต่ละตัว

หลายคนอาจยังไม่แน่ใจว่าตัวอักษรในคำว่า LGBTQIA+ หมายถึงอะไรบ้าง จริง ๆ แล้วแต่ละตัวแทนกลุ่มความหลากหลายทางเพศที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว มารู้จักกันทีละตัวเพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

L — Lesbian

“เลสเบี้ยน” หมายถึงผู้หญิงที่มีความรู้สึกทางเพศหรือความรักต่อผู้หญิงด้วยกัน คำนี้มีที่มาจากเกาะ “เลสบอส” (Lesbos) ในกรีซ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของกวีหญิงชื่อ “แซปโฟ” (Sappho) ผู้แต่งบทกวีที่กล่าวถึงความรักระหว่างผู้หญิงด้วยกัน จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คำว่า “เลสเบี้ยน” ถูกใช้แทนผู้หญิงรักผู้หญิง และแพร่หลายในความหมายนี้มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 จนถึงปัจจุบัน

G — Gay

เดิมทีคำว่า “เกย์” ในภาษาอังกฤษหมายถึงความสนุกสนานหรือความรื่นเริง แต่ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 20 ความหมายเริ่มเปลี่ยนไป ใช้เรียกผู้ชายที่มีความสนใจทางเพศต่อผู้ชายด้วยกัน และภายหลังผู้หญิงบางกลุ่มก็เริ่มใช้คำนี้ด้วยเช่นกัน ปัจจุบัน “เกย์” กลายเป็นคำที่มีความหมายครอบคลุมสำหรับบุคคลที่รักเพศเดียวกัน โดยมักใช้กับผู้ชายเป็นหลัก แต่ก็สามารถใช้ในความหมายทั่วไปเพื่อรวมคนที่รักเพศเดียวกันได้ด้วยเช่นกัน

B — Bisexual

คำว่า “ไบเซ็กชวล” (Bisexual) มีรากมาจากคำว่า “Bi” ซึ่งแปลว่า “สอง” โดยในอดีตเคยใช้เรียกคนที่มีลักษณะทางกายภาพผสมทั้งเพศชายและหญิง (ซึ่งปัจจุบันเรียกว่าอินเตอร์เซ็กส์) ต่อมาความหมายได้เปลี่ยนไป ปัจจุบัน “ไบเซ็กชวล” หมายถึงคนที่มีความรู้สึกดึงดูดทางเพศหรือโรแมนติกต่อได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยไม่จำกัดอยู่ที่เพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น

Q — Queer

เดิมคำว่า “Queer” หมายถึง “แปลก” หรือ “ผิดปกติ” และเคยถูกใช้ดูหมิ่นผู้ที่มีอัตลักษณ์ทางเพศที่ต่างจากบรรทัดฐานชาย-หญิง อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศได้ลุกขึ้นยึดคืนคำนี้และเปลี่ยนให้กลายเป็นคำที่แสดงถึงความภาคภูมิใจในตัวตน ปัจจุบัน “Queer” ใช้อธิบายบุคคลที่มีอัตลักษณ์ทางเพศหรือความรักที่ลื่นไหล ไม่จำกัดกรอบนิยามเพศใดเพศหนึ่ง เป็นการเปิดกว้างให้กับความหลากหลายในทุกมิติของเพศและความสัมพันธ์

I — Intersex

Intersex หมายถึงบุคคลที่เกิดมาพร้อมลักษณะทางเพศ (ทางกายภาพ เช่น โครโมโซม ฮอร์โมน หรืออวัยวะสืบพันธุ์) ที่ไม่สามารถจัดอยู่ในกรอบชายหรือหญิงได้อย่างชัดเจน ซึ่งอาจเกิดขึ้นตั้งแต่แรกเกิดหรือแสดงออกภายหลัง ปัจจุบัน Intersex ไม่ใช่ความผิดปกติ แต่เป็นความหลากหลายทางชีวภาพตามธรรมชาติของมนุษย์ และได้รับการยอมรับมากขึ้นในฐานะอีกหนึ่งอัตลักษณ์ทางเพศที่ควรได้รับสิทธิและความเคารพเท่าเทียม

A — Asexual

Asexual คือบุคคลที่ไม่มีแรงดึงดูดทางเพศต่อผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม ซึ่งอาจยังคงมีความรู้สึกรักหรือผูกพันทางอารมณ์ได้ตามปกติ คำนี้ถูกใช้ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 และในปัจจุบันได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในอัตลักษณ์ทางเพศที่แท้จริงในกลุ่มความหลากหลายทางเพศ สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการทางเพศไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน และทุกอัตลักษณ์ล้วนมีคุณค่าในแบบของตัวเอง

+ — Plus

เครื่องหมาย ‘+’ ใน LGBTQIA+ เป็นตัวแทนของความหลากหลายทางเพศที่ขยายออกไปอย่างไม่จำกัด สื่อถึงอัตลักษณ์และรสนิยมทางเพศอื่น ๆ ที่อยู่นอกเหนือจากตัวอักษรหลัก ไม่ว่าจะเป็น Pansexual, Demisexual, Non-binary และอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นสัญลักษณ์แห่งการเปิดรับและเคารพในตัวตนที่แตกต่างของทุกคนในสังคม โดยไม่มีข้อจำกัด

แหล่งที่มา : blog.cheewid.com

8 อาหารเพิ่มภูมิคุ้มกัน สำหรับผู้ชายในหน้าฝน

0

8 อาหารเพิ่มภูมิคุ้มกัน สำหรับผู้ชายในหน้าฝน

เมื่อเข้าสู่หน้าฝนสิ่งที่หนุ่ม ๆ ต้องระวังเป็นพิเศษก็คือโรคหวัดตัวร้าย เพราะสุขภาพที่ดีคือกุญแจสำคัญในการฟิตแอนด์เฟิร์มอย่างต่อเนื่อง นอกจากการออกกำลังกายแล้ว การกินอาหารที่มีประโยชน์ก็ช่วยเสริมเกราะป้องกันให้ร่างกายแข็งแรงได้เช่นกัน เราเลยรวบรวม 8 อาหารเด็ดที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ต้านหวัด และทำให้คุณพร้อมลุยทุกกิจกรรมแม้ในวันที่ฝนตกหนัก มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

ซุปไก่

ซุปไก่ไม่ใช่แค่อาหารอร่อยที่ซดคล่องคอ แต่ยังเป็นยาหม้อโบราณที่ช่วยบรรเทาอาการหวัดได้จริง ๆ น้ำซุปอุ่น ๆ จะช่วยลดอาการคัดจมูกและเจ็บคอ ส่วนเนื้อไก่เต็มไปด้วยโปรตีนที่สำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน การใส่ผักอย่างแครอท เซเลอรี่ และหัวหอมลงไปในซุปก็ยิ่งช่วยเพิ่มวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากขึ้น

กระเทียม

กระเทียมเป็นสมุนไพรที่มีสารอัลลิซิน (Allicin) ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา การรับประทานกระเทียมสด หรือนำไปปรุงอาหาร จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ กระเทียมยังมีส่วนช่วยลดอาการคัดจมูกและไอได้อีกด้วย

ขิง

ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์อุ่น ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และอุดมด้วยสาร Gingerol ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและไวรัส การดื่มน้ำขิงร้อนช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ไอ และลดน้ำมูกได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการคลื่นไส้และวิงเวียนศีรษะที่มักมากับหวัดอีกด้วย

ผลไม้ตระกูลส้ม

ผลไม้ตระกูลส้ม เช่น มะนาวและเกรปฟรุต เป็นแหล่งวิตามินซีชั้นเยี่ยมที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง วิตามินซีช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีขึ้น การดื่มน้ำส้มคั้นสด ๆ หรือกินผลไม้เหล่านี้เป็นประจำจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการดูแลสุขภาพช่วงหน้าฝนให้ฟิตพร้อมลุยทุกกิจกรรม

โยเกิร์ต

โยเกิร์ตที่มีโพรไบโอติกส์หรือจุลินทรีย์มีชีวิต ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของระบบภูมิคุ้มกัน ลำไส้สุขภาพดีช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหารและลดโอกาสติดเชื้อ ควรเลือกโยเกิร์ตธรรมชาติที่ไม่มีน้ำตาลเพิ่ม เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงที่สุด

น้ำผึ้ง

น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการไอและเจ็บคอ เพียงผสมน้ำผึ้งกับน้ำอุ่นหรือน้ำมะนาว ก็ช่วยให้ชุ่มคอและลดการระคายเคืองได้ดี อีกทั้งยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงในช่วงหน้าฝนอีกด้วย

ผักใบเขียวเข้ม

ผักใบเขียวเข้มอย่างคะน้า ผักโขม และบรอกโคลี อัดแน่นไปด้วยวิตามินเอ ซี อี และธาตุเหล็ก ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยให้ร่างกายทำงานเป็นปกติและต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดี การรับประทานเป็นประจำในช่วงหน้าฝนจึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณสุขภาพดี

น้ำเปล่า

แม้จะไม่ใช่อาหารโดยตรง แต่น้ำเปล่าคือสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่อากาศชื้นและเปลี่ยนแปลงบ่อย การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นของเยื่อบุในร่างกาย เช่น จมูกและลำคอ ซึ่งเป็นด่านแรกในการป้องกันเชื้อโรค อีกทั้งยังช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย และสนับสนุนการทำงานของระบบต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

แหล่งที่มา : www.sanook.com

โกโก้กินตอนไหนปังที่สุด ไขความลับประโยชน์ในแต่ละเวลา

0
โกโก้

โกโก้กินตอนไหนปังที่สุด ไขความลับประโยชน์ในแต่ละเวลา

โกโก้ เป็นเครื่องดื่มกลิ่นหอมรสเข้มที่ใครหลายคนหลงรัก แต่รู้ไหมว่า.แค่เลือกเวลาดื่มให้ถูก ประโยชน์ของโกโก้ก็ยิ่งทวีคูณ ไม่ว่าจะช่วยเติมพลัง เสริมสุขภาพ หรือแม้แต่ช่วยให้นอนหลับสบาย ทุกช่วงเวลามีข้อดีต่างกันไป ดื่มอย่างฉลาดสุขภาพก็ปังตามไปด้วย

โกโก้

ตอนเช้า เสริมพลัง และอารมณ์

ช่วงเช้า คือเวลาทองในการเติมพลังให้ร่างกาย และการดื่มโกโก้แท้แบบไม่ใส่น้ำตาล ก็ยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพไปอีกขั้น เพราะโกโก้มีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด เพิ่มความตื่นตัวและสมาธิ พร้อมสารธีโอโบรมีน และทริปโตเฟน ที่ช่วยกระตุ้นการหลั่งเซโรโทนิน หรือ “ฮอร์โมนแห่งความสุข” ดื่มแล้วรู้สึกสดใส กระปรี้กระเปร่า พร้อมลุยทุกภารกิจแบบไม่งัวเงีย

ก่อนออกกำลังกาย กระตุ้นการเผาผลาญ

ก่อนออกกำลังกาย 30–60 นาที ลองดื่มโกโก้ผสมนมไขมันต่ำหรือโปรตีนสักแก้ว ช่วยเติมพลังแบบเบา ๆ แต่ได้ผลเกินคาด เพราะฟลาโวนอยด์ในโกโก้ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต เพิ่มออกซิเจนให้กล้ามเนื้อ พร้อมเสริมแรงให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้ลื่นไหลขึ้น แถมยังช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวหลังออกกำลังได้เร็วขึ้นอีกด้วย

หลังอาหาร ควบคุมความอยากของหวาน

หลังมื้ออาหาร ถ้าใครชอบหาของหวานตบท้าย ลองเปลี่ยนเป็นโกโก้ร้อนแบบไม่ใส่น้ำตาลดูสิ เพราะโกโก้มีสารที่ช่วยกระตุ้นความรู้สึกอิ่มในสมอง ลดความอยากของหวานได้แบบไม่ต้องเพิ่มแคลอรี แถมยังได้สารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ ช่วยให้สุขภาพดีและคุมอาหารได้อยู่หมัดในเวลาเดียวกัน

ก่อนนอน ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น

ก่อนนอน ลองจิบโกโก้อุ่น ๆ แบบไร้น้ำตาลดูสักแก้ว เพราะแม้โกโก้จะมีคาเฟอีนไม่มาก แต่มี ธีโอโบรมีนที่ช่วยให้สมองผ่อนคลาย พร้อมทริปโตเฟนที่กระตุ้นการหลั่งเมลาโทนิน ฮอร์โมนสำคัญของการนอนหลับ ช่วยลดความเครียดในช่วงท้ายวัน และทำให้คุณหลับสบายขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ หลับลึก ตื่นสดชื่น พร้อมรับเช้าวันใหม่

แหล่งที่มา : www.sanook.com

10 ไอเทมที่ต้องมีติดตัวช่วงหน้าฝน

0

10 ไอเทมที่ต้องมีติดตัวช่วงหน้าฝน

เข้าสู่เดือนพฤษภาคมทีไร ฝนก็มาทักทายกันทุกที ซึ่งพอฝนเริ่มตก การใช้ชีวิตก็เริ่มยุ่งยากขึ้นไม่ว่าจะเป็น รถติดหนักกว่าเดิม คนเบียดในรถสาธารณะ เสื้อผ้าหน้าผมที่เตรียมมาพังไม่เป็นท่าโดยเฉพาะถ้าเปียกฝนแบบไม่ตั้งใจ จึงทำให้ฤดูฝนเป็นฤดูที่ไม่ค่อยดีสำหรับใครหลายคน

แต่อย่าเพิ่งหมดกำลังใจไป ถ้าเตรียมตัวดี มีของจำเป็นติดตัวไว้ ฝนตกแค่ไหนก็เอาอยู่ วันนี้เรารวบรวม 10 ไอเทมที่ควรพกไว้ช่วงหน้าฝน ที่จะช่วยให้คุณรับมือกับทุกสถานการณ์ได้แบบไม่สะดุดมาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย

ร่ม

ไม่ว่าจะฤดูไหน ร่มคือของที่ควรพกติดกระเป๋าไว้เสมอ โดยเฉพาะหน้าฝนที่ต้องใช้บ่อย แต่รู้ไหมว่าเดี๋ยวนี้ร่มไม่ใช่แค่เอาไว้กันฝนอย่างเดียว เพราะหลายคนเลือกใช้ร่มเป็นแฟชั่นเสริมลุค มีทั้งสีสันสดใส ลายเก๋ ๆ หรือดีไซน์แหวกแนวที่ทำให้ใครเห็นก็ต้องสะดุดตา เรียกได้ว่าทั้งกันฝน ทั้งเพิ่มความปังในวันฝนตกเลยทีเดียว

เสื้อกันฝน

แม้จะเป็นแค่เสื้อพลาสติกเบา ๆ แต่เสื้อกันฝนช่วยปกป้องคุณได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ต้องกลัวเปียกทั้งตัว พกใส่กระเป๋าไว้ไม่เปลืองที่ หาซื้อง่ายตามร้านสะดวกซื้อ และเดี๋ยวนี้ก็มีดีไซน์น่ารัก สีสันสดใสให้เลือกเพียบ พกไว้ติดกระเป๋าสักตัว รับรองฝนมาแค่ไหนก็เอาอยู่

รองเท้าแตะ รองเท้าบูท

หน้าฝนทีไร ทั้งพื้นแฉะ น้ำขัง รองเท้าหนังหรือผ้าใบคู่โปรดก็เปียกเละ แนะนำให้พกรองเท้าแตะหรือรองเท้าบูทติดรถหรือติดออฟฟิศไว้เลย จะได้เปลี่ยนใช้งานได้ทันที อีกอย่างรองเท้าบูทยุคนี้ไม่ได้เชยอย่างที่คิด ดีไซน์สวย สีสด แมทช์กับลุคได้ง่าย แถมช่วยปกป้องเท้าจากน้ำสกปรกได้ดีกว่าอีกด้วย

ยาลดไข้

อากาศชื้น ละอองฝน และลมเย็นในช่วงหน้าฝน อาจทำให้เราไม่สบายได้แบบไม่ทันตั้งตัว เพราะฉะนั้นควรพกยาลดไข้ติดกระเป๋าหรือกระเป๋ายาไว้เสมอ อย่างน้อยมีติดไว้สักแผงเพื่อเตรียมพร้อมรับมืออาการเจ็บป่วยเบื้องต้นได้ทันที

ผ้าเช็ดหน้า

ในช่วงหน้าฝน “ผ้าเช็ดหน้า” กลายเป็นของจำเป็นที่ไม่ควรมองข้ามเลย ไม่ว่าจะเช็ดละอองฝน เหงื่อ หรือใช้ซับหน้าเบา ๆ หากคุณต้องเดินทางด้วยรถสาธารณะ หรือหลบฝนไม่ทัน ผ้าเช็ดหน้าช่วยได้มาก แนะนำให้พกติดกระเป๋าไว้เสมอ เพราะใช้งานสะดวกและดูสุภาพอีกด้วย

หมวก

ศีรษะเป็นส่วนที่บอบบางและควรได้รับการปกป้อง โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่ฝนตกไม่เป็นเวลา “หมวก” จึงกลายเป็นอีกหนึ่งไอเทมจำเป็นที่ช่วยปกป้องศีรษะจากละอองฝน ลดโอกาสการไม่สบายจากหัวเปียก แม้จะกันฝนได้ไม่ทั้งหมด แต่ก็ช่วยลดความเปียกชื้นได้ดี และยังช่วยให้ดูดีแบบมีสไตล์อีกด้วย

แจ็คเก็ต

เสื้อแจ็คเก็ตถือเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ควรมีติดตัวในหน้าฝน โดยเฉพาะแบบที่กันน้ำได้จะช่วยป้องกันเสื้อผ้าชุดสวยของคุณไม่ให้เปียกหรือเสียหาย แถมยังช่วยเพิ่มความอบอุ่นและสะดวกต่อการเดินทางในวันที่ฝนตกอีกด้วย

เครื่องสำอาง

การแต่งหน้าคือเพื่อนคู่ใจของผู้หญิง แต่หน้าฝนนี่แหละคือศัตรูตัวฉกาจ เพราะฝนตกทีไรเครื่องสำอางไหลเยิ้มไม่เหลือความเป๊ะ เพราะฉะนั้นควรเลือกใช้เมคอัพสูตรกันน้ำและติดทนนาน และอย่าลืมพกเครื่องสำอางชิ้นสำคัญติดกระเป๋าไว้เสริมเติมระหว่างวัน

ซองพลาสติกสำหรับใส่เอกสาร

หน้าฝนกับเอกสารกระดาษเป็นของที่ไม่ถูกกันเลยสักนิด ฝนตกทีไรเสี่ยงเอกสารเปียกยุ่ย พังเสียหายได้ง่าย ๆ ทางออกคือพกซองเอกสารแบบพลาสติกกันน้ำติดตัวไว้เสมอ ช่วยปกป้องเอกสารสำคัญให้ปลอดภัย แม้ต้องลุยฝนก็ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป

ถุงพลาสติก

ถุงพลาสติกธรรมดา ๆ กลายเป็นไอเทมช่วยชีวิตในหน้าฝนได้ แค่พกติดกระเป๋าไว้ ถ้าเจอฝนตกกะทันหันก็หยิบออกมาใช้คลุมของสำคัญอย่างกระเป๋าหนังหรือของใช้ต่าง ๆ ได้ทันที ป้องกันไม่ให้ของเปียกหรือเป็นรอยด่าง เรียกว่าเล็กแต่ประโยชน์ใหญ่

แหล่งที่มา : www.sanook.com

5 เคล็ดลับบำรุงเส้นผมให้เงางาม แข็งแรง

0
บำรุงเส้นผม

5 เคล็ดลับบำรุงเส้นผมให้เงางาม แข็งแรง

ทุกวันเส้นผมของเราต้องเผชิญกับศัตรูตัวร้าย ทั้งมลภาวะ แสงแดด ความร้อนจากอุปกรณ์จัดแต่งทรงผม สารเคมีจากการย้อม ดัด และพฤติกรรมการดูแลที่ผิดวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม หรือการละเลยการบำรุง

บำรุงเส้นผม

ถ้าอยากมีผมสวย สุขภาพดี ต้องเริ่มจากการดูแลที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ บทความนี้มีเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยฟื้นฟูและดูแลเส้นผมของคุณให้แข็งแรงเงางามจากรากจรดปลา

ทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน

การเลือกแชมพูและวิธีสระผมที่เหมาะกับสภาพผมและหนังศีรษะคือก้าวแรกของการดูแลเส้นผมที่ดี แนะนำให้ใช้แชมพูสูตรอ่อนโยน หลีกเลี่ยงสารเคมีแรง ๆ และแชมพูที่ pH ไม่สมดุล

ทริคดูแลตอนสระผม:

  • ความถี่: สระผม 2–3 ครั้ง/สัปดาห์ หรือบ่อยกว่านั้นหากหนังศีรษะมันง่าย
  • วิธีสระ: ใช้ปลายนิ้วนวดเบา ๆ อย่าเกาหนังศีรษะ แล้วล้างฟองออกให้หมด
  • ครีมนวดผม: ทาเฉพาะช่วงกลางถึงปลายผม ทิ้งไว้สักครู่แล้วล้างออก ช่วยให้ผมนุ่มลื่นและหวีง่ายขึ้น

ปกป้องผมจากความร้อนและแสงแดด

เส้นผมต้องเจอความร้อนจากทั้งแสงแดดและอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมอย่างไดร์ หนีบ หรือม้วน ซึ่งสามารถทำลายโปรตีนในเส้นผม ทำให้ผมแห้งเสียและเปราะง่าย

วิธีป้องกันง่าย ๆ:

  • ใส่หมวกเมื่อออกแดด
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนก่อนหนีบ ไดร์ หรือม้วนผม

บำรุงเส้นผมอย่างล้ำลึก

แม้จะป้องกันดีแค่ไหน เส้นผมที่เผชิญกับมลภาวะก็ยังต้องการการบำรุงอย่างล้ำลึกอยู่ดี การใช้ทรีตเมนต์หรือมาส์กผมสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง จะช่วยฟื้นฟูผมแห้งเสียให้กลับมาแข็งแรงขึ้น โดยเลือกสูตรที่มีส่วนผสมบำรุง เช่น น้ำมันธรรมชาติ โปรตีน หรือเคราติน เพื่อเติมเต็มความชุ่มชื้นและเสริมโครงสร้างเส้นผมจากภายใน

หวีผมอย่างถูกวิธี

หลายคนอาจไม่รู้ว่าแค่ “หวีผมผิดวิธี” ก็ทำให้ผมเสียได้ง่าย โดยเฉพาะการหวีผมตอนเปียก เพราะเป็นช่วงที่ผมอ่อนแอและขาดง่ายที่สุด แนะนำให้ใช้หวีซี่ห่าง ปลายมน และหวีจากปลายผมขึ้นไปอย่างเบามือ จะช่วยลดผมพันกัน ลดการขาดหลุดร่วง และป้องกันผมชี้ฟูได้ดี

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

สุขภาพผมที่ดีเริ่มจากภายใน! การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน เช่น โปรตีน ธาตุเหล็ก สังกะสี ไบโอติน และวิตามิน จะช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม และลดการหลุดร่วงได้จากรากสู่ปลายผม

แหล่งที่มา : www.allaboutyou.co.th/

 8 อาหารเพิ่มธาตุเหล็ก บำรุงเลือด ป้องกันโลหิตจาง

0
ธาตุเหล็ก

8 อาหารเพิ่มธาตุเหล็ก บำรุงเลือด ป้องกันโลหิตจาง

หากคุณกำลังรู้สึกอ่อนเพลีย หน้ามืดบ่อย หรือมีอาการเหนื่อยง่าย อาจเป็นสัญญาณของภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กได้ ธาตุเหล็กเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงและบำรุงเลือดให้แข็งแรง ลองเติมอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็กเหล่านี้เข้าไปในมื้อประจำวัน รับรองว่าช่วยฟื้นพลังและเติมเลือดให้ร่างกายได้แน่นอน

ธาตุเหล็ก

ตับ เลือด และเนื้อสัตว์ต่าง ๆ

อาหารจำพวกตับ เลือด และเนื้อแดงเป็นแหล่งธาตุเหล็กแบบฮีม (Heme Iron) ซึ่งร่างกายดูดซึมได้ดี เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการบำรุงเลือด โดยเฉพาะเนื้อแดง ควรบริโภคสัปดาห์ละ 1–2 ครั้งเพื่อเสริมสร้างเม็ดเลือดและป้องกันภาวะโลหิตจางได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ธัญพืช แป้ง ไข่ และผักสีเขียวเข้ม

ธาตุเหล็กในกลุ่มธัญพืช แป้ง ไข่ และผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า บรอกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง ผักบุ้ง และมะรุม จัดอยู่ในกลุ่มธาตุเหล็กแบบไม่ใช่ฮีม (Nonheme Iron) ซึ่งร่างกายดูดซึมได้น้อยกว่าแบบฮีม ดังนั้นควรรับประทานร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม มะละกอ หรือมะนาว เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึม

อาหารทะเล ปลา เป็ด ไก่ ม้าม และไข่แดง

อาหารที่มีธาตุเหล็กในรูปแบบฮีม (Heme Iron) นั้น ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดี มีอัตราการดูดซึมสูงถึง 20–30% และหากรับประทานร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซี เช่น ส้ม มะนาว หรือผลไม้รสเปรี้ยว จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุเหล็กเข้าสู่ลำไส้เล็กได้ดียิ่งขึ้น

อัลมอนด์ ซีเรียล ข้าวโอ๊ต ถั่วแดง ถั่วดำ และจมูกข้าวสาลี

อาหารธัญพืช เช่น ถั่ว เมล็ดพืช และธัญพืชเต็มเมล็ด เป็นอีกหนึ่งแหล่งของธาตุเหล็กที่ดี โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ จึงสามารถเลือกบริโภคอาหารเหล่านี้เพื่อเสริมธาตุเหล็กและบำรุงเลือดได้เช่นกัน

ข้าวเสริมธาตุเหล็ก ข้ามหอมนิล และข้าวสายพันธุ์ 313

แหล่งคาร์โบไฮเดรตอย่างข้าว โดยเฉพาะข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี และข้าวแดง ถือเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดี นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยกรดโฟลิกและคลอโรฟิลล์ ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมธาตุเหล็กโดยไม่พึ่งเนื้อสัตว์

แครอท ฟักทอง และขมิ้น

อาหารจากผักและผลไม้แม้จะมีธาตุเหล็กอยู่บ้าง แต่เป็นธาตุเหล็กที่ดูดซึมได้ยาก ร่างกายจึงใช้ประโยชน์ได้น้อย แนะนำให้รับประทานควบคู่กับแหล่งธาตุเหล็กที่ดูดซึมได้ดี เช่น ตับ ไข่แดง หรือเนื้อแดง เพื่อเสริมประสิทธิภาพการดูดซึมและบำรุงเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

กระเทียม พริก และขมิ้น

กระเทียม พริก และขมิ้น เป็นสมุนไพรที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลงและระบบไหลเวียนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

น้ำว่านหางจระเข้

น้ำว่านหางจระเข้เป็นเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยคลอโรฟิลล์ เอนไซม์ กรดอะมิโน วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือด กำจัดของเสีย ลดการอักเสบ และส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แหล่งที่มา : www.sanook.com