Home Blog

10 ไอเทมที่ต้องมีติดตัวช่วงหน้าฝน

0

10 ไอเทมที่ต้องมีติดตัวช่วงหน้าฝน

เข้าสู่เดือนพฤษภาคมทีไร ฝนก็มาทักทายกันทุกที ซึ่งพอฝนเริ่มตก การใช้ชีวิตก็เริ่มยุ่งยากขึ้นไม่ว่าจะเป็น รถติดหนักกว่าเดิม คนเบียดในรถสาธารณะ เสื้อผ้าหน้าผมที่เตรียมมาพังไม่เป็นท่าโดยเฉพาะถ้าเปียกฝนแบบไม่ตั้งใจ จึงทำให้ฤดูฝนเป็นฤดูที่ไม่ค่อยดีสำหรับใครหลายคน

แต่อย่าเพิ่งหมดกำลังใจไป ถ้าเตรียมตัวดี มีของจำเป็นติดตัวไว้ ฝนตกแค่ไหนก็เอาอยู่ วันนี้เรารวบรวม 10 ไอเทมที่ควรพกไว้ช่วงหน้าฝน ที่จะช่วยให้คุณรับมือกับทุกสถานการณ์ได้แบบไม่สะดุดมาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย

ร่ม

ไม่ว่าจะฤดูไหน ร่มคือของที่ควรพกติดกระเป๋าไว้เสมอ โดยเฉพาะหน้าฝนที่ต้องใช้บ่อย แต่รู้ไหมว่าเดี๋ยวนี้ร่มไม่ใช่แค่เอาไว้กันฝนอย่างเดียว เพราะหลายคนเลือกใช้ร่มเป็นแฟชั่นเสริมลุค มีทั้งสีสันสดใส ลายเก๋ ๆ หรือดีไซน์แหวกแนวที่ทำให้ใครเห็นก็ต้องสะดุดตา เรียกได้ว่าทั้งกันฝน ทั้งเพิ่มความปังในวันฝนตกเลยทีเดียว

เสื้อกันฝน

แม้จะเป็นแค่เสื้อพลาสติกเบา ๆ แต่เสื้อกันฝนช่วยปกป้องคุณได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ต้องกลัวเปียกทั้งตัว พกใส่กระเป๋าไว้ไม่เปลืองที่ หาซื้อง่ายตามร้านสะดวกซื้อ และเดี๋ยวนี้ก็มีดีไซน์น่ารัก สีสันสดใสให้เลือกเพียบ พกไว้ติดกระเป๋าสักตัว รับรองฝนมาแค่ไหนก็เอาอยู่

รองเท้าแตะ รองเท้าบูท

หน้าฝนทีไร ทั้งพื้นแฉะ น้ำขัง รองเท้าหนังหรือผ้าใบคู่โปรดก็เปียกเละ แนะนำให้พกรองเท้าแตะหรือรองเท้าบูทติดรถหรือติดออฟฟิศไว้เลย จะได้เปลี่ยนใช้งานได้ทันที อีกอย่างรองเท้าบูทยุคนี้ไม่ได้เชยอย่างที่คิด ดีไซน์สวย สีสด แมทช์กับลุคได้ง่าย แถมช่วยปกป้องเท้าจากน้ำสกปรกได้ดีกว่าอีกด้วย

ยาลดไข้

อากาศชื้น ละอองฝน และลมเย็นในช่วงหน้าฝน อาจทำให้เราไม่สบายได้แบบไม่ทันตั้งตัว เพราะฉะนั้นควรพกยาลดไข้ติดกระเป๋าหรือกระเป๋ายาไว้เสมอ อย่างน้อยมีติดไว้สักแผงเพื่อเตรียมพร้อมรับมืออาการเจ็บป่วยเบื้องต้นได้ทันที

ผ้าเช็ดหน้า

ในช่วงหน้าฝน “ผ้าเช็ดหน้า” กลายเป็นของจำเป็นที่ไม่ควรมองข้ามเลย ไม่ว่าจะเช็ดละอองฝน เหงื่อ หรือใช้ซับหน้าเบา ๆ หากคุณต้องเดินทางด้วยรถสาธารณะ หรือหลบฝนไม่ทัน ผ้าเช็ดหน้าช่วยได้มาก แนะนำให้พกติดกระเป๋าไว้เสมอ เพราะใช้งานสะดวกและดูสุภาพอีกด้วย

หมวก

ศีรษะเป็นส่วนที่บอบบางและควรได้รับการปกป้อง โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่ฝนตกไม่เป็นเวลา “หมวก” จึงกลายเป็นอีกหนึ่งไอเทมจำเป็นที่ช่วยปกป้องศีรษะจากละอองฝน ลดโอกาสการไม่สบายจากหัวเปียก แม้จะกันฝนได้ไม่ทั้งหมด แต่ก็ช่วยลดความเปียกชื้นได้ดี และยังช่วยให้ดูดีแบบมีสไตล์อีกด้วย

แจ็คเก็ต

เสื้อแจ็คเก็ตถือเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ควรมีติดตัวในหน้าฝน โดยเฉพาะแบบที่กันน้ำได้จะช่วยป้องกันเสื้อผ้าชุดสวยของคุณไม่ให้เปียกหรือเสียหาย แถมยังช่วยเพิ่มความอบอุ่นและสะดวกต่อการเดินทางในวันที่ฝนตกอีกด้วย

เครื่องสำอาง

การแต่งหน้าคือเพื่อนคู่ใจของผู้หญิง แต่หน้าฝนนี่แหละคือศัตรูตัวฉกาจ เพราะฝนตกทีไรเครื่องสำอางไหลเยิ้มไม่เหลือความเป๊ะ เพราะฉะนั้นควรเลือกใช้เมคอัพสูตรกันน้ำและติดทนนาน และอย่าลืมพกเครื่องสำอางชิ้นสำคัญติดกระเป๋าไว้เสริมเติมระหว่างวัน

ซองพลาสติกสำหรับใส่เอกสาร

หน้าฝนกับเอกสารกระดาษเป็นของที่ไม่ถูกกันเลยสักนิด ฝนตกทีไรเสี่ยงเอกสารเปียกยุ่ย พังเสียหายได้ง่าย ๆ ทางออกคือพกซองเอกสารแบบพลาสติกกันน้ำติดตัวไว้เสมอ ช่วยปกป้องเอกสารสำคัญให้ปลอดภัย แม้ต้องลุยฝนก็ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป

ถุงพลาสติก

ถุงพลาสติกธรรมดา ๆ กลายเป็นไอเทมช่วยชีวิตในหน้าฝนได้ แค่พกติดกระเป๋าไว้ ถ้าเจอฝนตกกะทันหันก็หยิบออกมาใช้คลุมของสำคัญอย่างกระเป๋าหนังหรือของใช้ต่าง ๆ ได้ทันที ป้องกันไม่ให้ของเปียกหรือเป็นรอยด่าง เรียกว่าเล็กแต่ประโยชน์ใหญ่

แหล่งที่มา : www.sanook.com

5 เคล็ดลับบำรุงเส้นผมให้เงางาม แข็งแรง

0
บำรุงเส้นผม

5 เคล็ดลับบำรุงเส้นผมให้เงางาม แข็งแรง

ทุกวันเส้นผมของเราต้องเผชิญกับศัตรูตัวร้าย ทั้งมลภาวะ แสงแดด ความร้อนจากอุปกรณ์จัดแต่งทรงผม สารเคมีจากการย้อม ดัด และพฤติกรรมการดูแลที่ผิดวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม หรือการละเลยการบำรุง

บำรุงเส้นผม

ถ้าอยากมีผมสวย สุขภาพดี ต้องเริ่มจากการดูแลที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ บทความนี้มีเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยฟื้นฟูและดูแลเส้นผมของคุณให้แข็งแรงเงางามจากรากจรดปลา

ทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน

การเลือกแชมพูและวิธีสระผมที่เหมาะกับสภาพผมและหนังศีรษะคือก้าวแรกของการดูแลเส้นผมที่ดี แนะนำให้ใช้แชมพูสูตรอ่อนโยน หลีกเลี่ยงสารเคมีแรง ๆ และแชมพูที่ pH ไม่สมดุล

ทริคดูแลตอนสระผม:

  • ความถี่: สระผม 2–3 ครั้ง/สัปดาห์ หรือบ่อยกว่านั้นหากหนังศีรษะมันง่าย
  • วิธีสระ: ใช้ปลายนิ้วนวดเบา ๆ อย่าเกาหนังศีรษะ แล้วล้างฟองออกให้หมด
  • ครีมนวดผม: ทาเฉพาะช่วงกลางถึงปลายผม ทิ้งไว้สักครู่แล้วล้างออก ช่วยให้ผมนุ่มลื่นและหวีง่ายขึ้น

ปกป้องผมจากความร้อนและแสงแดด

เส้นผมต้องเจอความร้อนจากทั้งแสงแดดและอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมอย่างไดร์ หนีบ หรือม้วน ซึ่งสามารถทำลายโปรตีนในเส้นผม ทำให้ผมแห้งเสียและเปราะง่าย

วิธีป้องกันง่าย ๆ:

  • ใส่หมวกเมื่อออกแดด
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนก่อนหนีบ ไดร์ หรือม้วนผม

บำรุงเส้นผมอย่างล้ำลึก

แม้จะป้องกันดีแค่ไหน เส้นผมที่เผชิญกับมลภาวะก็ยังต้องการการบำรุงอย่างล้ำลึกอยู่ดี การใช้ทรีตเมนต์หรือมาส์กผมสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง จะช่วยฟื้นฟูผมแห้งเสียให้กลับมาแข็งแรงขึ้น โดยเลือกสูตรที่มีส่วนผสมบำรุง เช่น น้ำมันธรรมชาติ โปรตีน หรือเคราติน เพื่อเติมเต็มความชุ่มชื้นและเสริมโครงสร้างเส้นผมจากภายใน

หวีผมอย่างถูกวิธี

หลายคนอาจไม่รู้ว่าแค่ “หวีผมผิดวิธี” ก็ทำให้ผมเสียได้ง่าย โดยเฉพาะการหวีผมตอนเปียก เพราะเป็นช่วงที่ผมอ่อนแอและขาดง่ายที่สุด แนะนำให้ใช้หวีซี่ห่าง ปลายมน และหวีจากปลายผมขึ้นไปอย่างเบามือ จะช่วยลดผมพันกัน ลดการขาดหลุดร่วง และป้องกันผมชี้ฟูได้ดี

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

สุขภาพผมที่ดีเริ่มจากภายใน! การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน เช่น โปรตีน ธาตุเหล็ก สังกะสี ไบโอติน และวิตามิน จะช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม และลดการหลุดร่วงได้จากรากสู่ปลายผม

แหล่งที่มา : www.allaboutyou.co.th/

 8 อาหารเพิ่มธาตุเหล็ก บำรุงเลือด ป้องกันโลหิตจาง

0
ธาตุเหล็ก

8 อาหารเพิ่มธาตุเหล็ก บำรุงเลือด ป้องกันโลหิตจาง

หากคุณกำลังรู้สึกอ่อนเพลีย หน้ามืดบ่อย หรือมีอาการเหนื่อยง่าย อาจเป็นสัญญาณของภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กได้ ธาตุเหล็กเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงและบำรุงเลือดให้แข็งแรง ลองเติมอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็กเหล่านี้เข้าไปในมื้อประจำวัน รับรองว่าช่วยฟื้นพลังและเติมเลือดให้ร่างกายได้แน่นอน

ธาตุเหล็ก

ตับ เลือด และเนื้อสัตว์ต่าง ๆ

อาหารจำพวกตับ เลือด และเนื้อแดงเป็นแหล่งธาตุเหล็กแบบฮีม (Heme Iron) ซึ่งร่างกายดูดซึมได้ดี เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการบำรุงเลือด โดยเฉพาะเนื้อแดง ควรบริโภคสัปดาห์ละ 1–2 ครั้งเพื่อเสริมสร้างเม็ดเลือดและป้องกันภาวะโลหิตจางได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ธัญพืช แป้ง ไข่ และผักสีเขียวเข้ม

ธาตุเหล็กในกลุ่มธัญพืช แป้ง ไข่ และผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า บรอกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง ผักบุ้ง และมะรุม จัดอยู่ในกลุ่มธาตุเหล็กแบบไม่ใช่ฮีม (Nonheme Iron) ซึ่งร่างกายดูดซึมได้น้อยกว่าแบบฮีม ดังนั้นควรรับประทานร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม มะละกอ หรือมะนาว เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึม

อาหารทะเล ปลา เป็ด ไก่ ม้าม และไข่แดง

อาหารที่มีธาตุเหล็กในรูปแบบฮีม (Heme Iron) นั้น ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดี มีอัตราการดูดซึมสูงถึง 20–30% และหากรับประทานร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซี เช่น ส้ม มะนาว หรือผลไม้รสเปรี้ยว จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุเหล็กเข้าสู่ลำไส้เล็กได้ดียิ่งขึ้น

อัลมอนด์ ซีเรียล ข้าวโอ๊ต ถั่วแดง ถั่วดำ และจมูกข้าวสาลี

อาหารธัญพืช เช่น ถั่ว เมล็ดพืช และธัญพืชเต็มเมล็ด เป็นอีกหนึ่งแหล่งของธาตุเหล็กที่ดี โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ จึงสามารถเลือกบริโภคอาหารเหล่านี้เพื่อเสริมธาตุเหล็กและบำรุงเลือดได้เช่นกัน

ข้าวเสริมธาตุเหล็ก ข้ามหอมนิล และข้าวสายพันธุ์ 313

แหล่งคาร์โบไฮเดรตอย่างข้าว โดยเฉพาะข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี และข้าวแดง ถือเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดี นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยกรดโฟลิกและคลอโรฟิลล์ ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมธาตุเหล็กโดยไม่พึ่งเนื้อสัตว์

แครอท ฟักทอง และขมิ้น

อาหารจากผักและผลไม้แม้จะมีธาตุเหล็กอยู่บ้าง แต่เป็นธาตุเหล็กที่ดูดซึมได้ยาก ร่างกายจึงใช้ประโยชน์ได้น้อย แนะนำให้รับประทานควบคู่กับแหล่งธาตุเหล็กที่ดูดซึมได้ดี เช่น ตับ ไข่แดง หรือเนื้อแดง เพื่อเสริมประสิทธิภาพการดูดซึมและบำรุงเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

กระเทียม พริก และขมิ้น

กระเทียม พริก และขมิ้น เป็นสมุนไพรที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลงและระบบไหลเวียนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

น้ำว่านหางจระเข้

น้ำว่านหางจระเข้เป็นเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยคลอโรฟิลล์ เอนไซม์ กรดอะมิโน วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือด กำจัดของเสีย ลดการอักเสบ และส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แหล่งที่มา : www.sanook.com

ผู้ชายวัย 30+ ดูแลยังไงให้สุขภาพปังทั้งกายและใจ

0

ผู้ชายวัย 30+ ดูแลยังไงให้สุขภาพปังทั้งกายและใจ

เมื่ออายุย่างเข้าเลขสาม ผู้ชายหลายคนอาจเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจ กิจกรรมที่เคยทำได้ง่ายอาจเริ่มไม่คล่องตัวเหมือนเดิม ซึ่งถือเป็นสัญญาณสำคัญว่าถึงเวลาต้องหันมาใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้น เพราะวัย 30+ คือช่วงที่ชีวิตเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งเรื่องงาน ความรับผิดชอบ และอนาคต การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงทั้งกายและใจจึงเป็นพื้นฐานสำคัญในการใช้ชีวิตอย่างมั่นใจ มาดูกันว่า 9 แนวทางดูแลสุขภาพสำหรับผู้ชายวัย 30+ มีอะไรบ้างที่ควรเริ่มทำตั้งแต่วันนี้

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัย 30+ ที่ระบบเผาผลาญเริ่มทำงานช้าลง การออกกำลังกายไม่เพียงช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของหัวใจ แต่ยังช่วยเสริมพลังทั้งร่างกายและจิตใจ ลองเลือกกิจกรรมที่คุณชอบ เช่น เดินเร็ว วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือเข้ายิม เพื่อให้การดูแลสุขภาพกลายเป็นเรื่องสนุกและทำได้อย่างสม่ำเสมอ

ทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ

การเลือกทานอาหารที่ดีมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในวัย 30+ ที่ร่างกายต้องการสารอาหารเพื่อซ่อมแซมและฟื้นฟูอย่างสมดุล ควรเน้นอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช ปลา และโปรตีนจากแหล่งธรรมชาติ เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารที่จำเป็น พร้อมช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังอย่างเบาหวานและโรคหัวใจในระยะยาว

นอนหลับให้เพียงพอ

การนอนหลับอย่างเพียงพอและมีคุณภาพเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะในวัย 30+ ที่ความเครียดและภาระหน้าที่เริ่มมากขึ้น การนอนไม่พออาจส่งผลให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อารมณ์แปรปรวน และร่างกายฟื้นตัวช้าลง ดังนั้นควรตั้งเป้านอนวันละ 7–8 ชั่วโมง และเข้านอนให้ตรงเวลาเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายได้พักและพร้อมรับวันใหม่อย่างเต็มที่

ควบคุมความเครียด

ความเครียดถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะในผู้ชายวัยทำงานที่ต้องรับผิดชอบหลายด้าน ความเครียดสะสมอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจในระยะยาว ดังนั้นควรหาวิธีผ่อนคลายที่เหมาะกับตัวเอง เช่น การทำสมาธิ ออกกำลังกาย หรือพูดคุยกับคนที่ไว้ใจ รวมถึงให้เวลากับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อช่วยลดระดับความเครียดและฟื้นฟูสมดุลของชีวิต

ตรวจสุขภาพประจำปี

การตรวจสุขภาพประจำปีเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น เพราะช่วยให้คุณรู้เท่าทันความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือไขมันในเลือด การตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้สามารถวางแผนดูแล ปรับพฤติกรรม และป้องกันปัญหาก่อนที่โรคจะลุกลามในอนาคต

ดื่มน้ำให้เพียงพอ

การดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นสิ่งที่ผู้ชายหลายคนมักมองข้าม แต่จริง ๆ แล้วมีความสำคัญต่อระบบการทำงานของร่างกายมาก โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัย 30+ ที่ระบบเผาผลาญเริ่มช้าลง น้ำจะช่วยให้เซลล์ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น และช่วยรักษาความสมดุลของร่างกาย ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อให้ร่างกายสดชื่นและชุ่มชื้นอยู่เสมอ

หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่

การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์เป็นพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ มะเร็ง และโรคตับได้ การลดหรือหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีในการดูแลร่างกายให้แข็งแรง หากเลือกใช้ชีวิตอย่างสะอาดและปลอดภัย จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นทั้งในวันนี้และในอนาคต

สร้างความสัมพันธ์ที่ดี

การมีความสัมพันธ์ที่ดีทั้งในครอบครัวและที่ทำงาน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตของผู้ชายวัย 30+ เพราะการพูดคุยและเชื่อมโยงกับคนรอบตัวอย่างจริงใจ ช่วยลดความเครียด สร้างกำลังใจ และเพิ่มความสุขในชีวิต การมีคนที่คอยสนับสนุนอยู่ข้าง ๆ ทำให้เรารับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น และมีแรงใจในการดูแลตัวเองให้ดีอยู่เสมอ

ดูแลสุขภาพจิต

สุขภาพจิตเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้สุขภาพกาย โดยเฉพาะในผู้ชายวัย 30+ ที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันหลายด้าน การหาวิธีดูแลใจตัวเอง เช่น พูดคุยกับนักจิตวิทยา ทำงานอดิเรก อ่านหนังสือ หรือเล่นกีฬา ล้วนช่วยเสริมพลังด้านจิตใจได้ดี การดูแลตัวเองทั้งกายและใจตั้งแต่วันนี้ จะช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลงในชีวิต และมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนในระยะยาว

แหล่งที่มา : www.sanook.com

7 เครื่องดื่มคลายร้อน สดชื่นแม้อากาศร้อน

0

7 เครื่องดื่มคลายร้อน สดชื่นแม้อากาศร้อน

อาการร้อน ๆ แบบนี้ ถ้าได้เครื่องดื่มที่ช่วยคลายร้อนได้ก็คงดีไม่ใช่น้อย เพราะเครื่องดื่มที่ช่วยลดความร้อนในร่างกาย จะทำให้รู้สึกสดชื่นตลอดวัน วันนี้เราจะรวบรวม 7 เครื่องดื่มที่นอกจากสดชื่นแล้ว ยังดื่มง่ายและคลายร้อนได้ดีมาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย

เครื่องดื่มคลายร้อน

น้ำแตงโมปั่น

น้ำแตงโมเป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำมาก และช่วยให้ร่างกายเย็นสบายได้ดี แต่ถ้าทำเป็นน้ำแตงโมปั่น เพิ่มน้ำแข็งสักหน่อยก็จะทำให้สดชื่นขึ้นอีก แตงโมช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้น และมีรสชาติหวานอร่อย ทำให้รู้สึกดีทุกครั้งที่ดื่ม

น้ำมะพร้าวปั่น

น้ำมะพร้าวสด ๆ เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับการคลายร้อน นอกจากจะช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้นแล้ว น้ำมะพร้าวยังช่วยบำรุงผิวพรรณและระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย หากปั่นกับน้ำแข็งจะให้ความสดชื่นแบบดับร้อนได้ดีสุด ๆ

ชานมเย็น

สำหรับคนที่ชอบชา ชานมเย็นถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลย การดื่มชานมเย็นไม่เพียงช่วยให้รู้สึกเย็นสบาย แต่ยังให้รสชาติหวานมันกลมกล่อม ช่วยเติมพลังในวันที่ร้อนได้ดีมาก นอกจากนี้ยังมีคาเฟอีนที่ช่วยเพิ่มพลังงานได้ดีอีกด้วย

น้ำมะนาวโซดา

น้ำมะนาวโซดา เครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ดีเยี่ยม มะนาวช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและบำรุงร่างกาย ส่วนโซดาจะทำให้รสชาติของมะนาวสดชื่นขึ้นไปอีก ดื่มแล้วจะให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า

น้ำสับปะรดปั่น

น้ำสับปะรด เครื่องดื่มที่มีรสชาติเปรี้ยวหวาน อร่อยสดชื่น เมื่อปั่นกับน้ำแข็งยิ่งทำให้ดื่มง่ายและคลายร้อนได้ดีมาก นอกจากนี้สับปะรดช่วยบำรุงผิวพรรณและกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารได้ดี

น้ำผลไม้รวม

น้ำผลไม้รวมเป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มที่ทำให้รู้สึกสดชื่นและคลายร้อนได้ดี โดยสามารถเลือกผลไม้ที่ชอบได้หลากหลาย เช่น ส้ม มะม่วง หรือผลไม้ตามฤดูแล้วนำมาปั่นรวมกัน น้ำผลไม้รวมจึงไม่เพียงแค่สดชื่น แต่ยังได้ประโยชน์จากวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ในผลไม้หลากหลายชนิด

น้ำลิ้นจี่

น้ำลิ้นจี่เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับช่วงฤดูร้อน เนื่องจากรสชาติหวานหอมของลิ้นจี่ทำให้รู้สึกสดชื่น และยังช่วยบำรุงร่างกายและเพิ่มพลังด้วย ดื่มแล้วรู้สึกดีและไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อนอีกต่อไป

แหล่งที่มา : www.sanook.com

6 เทรนด์สีผมสุดฮอต 2025 ต้อนรับซัมเมอร์

0
สีผม

6 เทรนด์สีผมสุดฮอต 2025 ต้อนรับซัมเมอร์

การทำสีผมไม่ใช่แค่เรื่องแฟชั่น แต่ยังช่วยเสริมเสน่ห์และขับผิวให้ดูสดใส โดยเฉพาะช่วงซัมเมอร์เป็นช่วงที่หลายคนนิยมทำสีผมให้เข้ากับฤดูร้อน วันนี้เรามี 6 เทรนด์สีผมสุดปังปี 2025 ที่จะทำให้คุณดูโดดเด่นและสวยเก๋ ต้อนรับซัมเมอร์นี้! เตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปจองคิวทำผมกันเลย

Honey Blonde

บลอนด์โทนอบอุ่นน้ำผึ้ง สีนี้ช่วยเสริมความละมุนให้ใบหน้าดูสว่างขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งไฮไลต์ เหมาะกับสาว ๆ ผิวโทนอุ่น โดยเฉพาะสาวเอเชียที่มีสีตาน้ำตาลดำ สีนี้จะช่วยให้ลุคดูสวยมีเสน่ห์และดูแพงแบบธรรมชาติ

Mocha Mousse

ปีนี้เทรนด์สีผมยังได้รับแรงบันดาลใจจาก Pantone และหนึ่งในสีที่มาแรงสุด ๆ คือ Mocha Mousse น้ำตาลมอคค่าหวาน ๆ ที่ช่วยปรับผิวให้ดูไบร์ทขึ้น สร้างลุคละมุนและดูแพงเบา ๆ แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ สีนี้เข้าได้กับทุกลุคและไม่ต้องกลัวเฟดง่าย บอกเลยว่า น้ำตาลมอคค่า คือ “must-have hair color” แห่งปี

Cherry Red

ในปี 2025 สี Cherry Red ยังคงครองใจสาว ๆ ด้วยความสดใสที่ไม่แรงเกินไป ทำให้ลุคดูเซ็กซี่แบบมีคลาส แถมยังเข้ากับทุกสีผิว ยิ่งออกแดดยิ่งเปล่งประกายสวยแบบตะโกน ถ้าอยากได้ลุค bold & confident สีนี้คือตัวเลือกที่ต้องมี

Dark Brown

สำหรับใครที่อยากได้ลุค soft & sweet ต้องลองทำผมสี Dark Brown ซึ่งเป็นโทนที่ช่วยให้ใบหน้าดูซอฟต์และเด็กลง แถมยังเข้ากับทุกโทนผิว ไม่ว่าจะทำลุคสาวหวานหรือเพิ่มความแพงด้วยประกายทอง สีนี้ก็ยังคงไม่เคยเอ้าท์ตลอดกาล

Copper Orange

ถ้าอยากเปลี่ยนลุคให้ดูสนุกและสดใส ต้องลอง Copper Orange เลย สีนี้ช่วยให้ลุคดูโดดเด่นสุด ๆ เหมาะกับสาว ๆ ผิวขาวหรือผิวโทนอุ่น เพราะจะขับผิวให้สว่างขึ้น ทำให้ได้ลุคสาวแฟชั่นนิสต้าสายแซ่บ แบบต๊าชสุด ๆ

Brunette Glow

สาว ๆ ที่อยากได้ลุคเรียบหรูและมีเสน่ห์ต้องลอง Brunette Glow หรือสีน้ำตาลโกโก้ สีนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นและดูแพง เป็นสีที่แมตช์ได้กับทุกลุค ไม่ต้องทำบ่อยก็ยังดูดี และยังช่วยให้เส้นผมดูมีมิติ เงางามสวยขึ้นสุด ๆ

แหล่งที่มา : www.sanook.com

Gen B ถึง Gen A เจาะลึกความแตกต่างของแต่ละเจน

0

Gen B ถึง Gen A เจาะลึกความแตกต่างของแต่ละเจน

ทุกวันนี้ คนแต่ละช่วงวัยมีสไตล์และมุมมองที่แตกต่างกัน ซึ่งส่วนใหญ่แบ่งตามปีเกิด หรือที่เรียกว่า Generation (Gen) นั่นเอง ปัจจุบันมี 5 เจนหลัก ๆ คือ Gen B, Gen X, Gen Y, Gen Z และ Gen Alpha แต่ละเจนเติบโตมาในยุคที่ต่างกัน ทำให้มีไลฟ์สไตล์ ค่านิยม และจุดเด่นเฉพาะตัว อยากรู้ไหมว่าแต่ละ Gen มีอะไรเด็ด ๆ บ้าง แล้วคุณล่ะ อยู่ Gen ไหน มาหาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้เลย

Gen B (พ.ศ. 2489-2507)

Gen B หรือ Baby Boomer คือเจเนอเรชันที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงที่ประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คนเจนนี้เติบโตมากับค่านิยมเรื่องความขยัน อดทน และทุ่มเทให้กับงาน พวกเขาให้ความสำคัญกับความมั่นคง เคารพกฎระเบียบ และมีความจงรักภักดีสูง จึงมักทำงานในองค์กรเดิมยาวนาน ไม่เปลี่ยนงานบ่อย อีกทั้งยังมีทักษะการเข้าสังคมที่ดีและเป็นนักวางแผนที่รอบคอบ โดยรวมแล้ว Gen B คือตัวแทนของความมุ่งมั่นและการสร้างเนื้อสร้างตัวเพื่ออนาคตที่มั่นคง

Gen X (พ.ศ. 2508-2522)

Gen X เป็นลูกหลานของ Baby Boomer ที่เติบโตมาในช่วงที่โลกเริ่มสงบสุขและเศรษฐกิจขยายตัว คนเจนนี้เห็นพ่อแม่ทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน จึงให้ความสำคัญกับ Work-life Balance มากขึ้น พวกเขาเป็นเจเนอเรชันที่มีความคิดเป็นระบบ ปรับตัวเก่ง รับผิดชอบสูง และมีทักษะในการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้หลายคนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำองค์กรและเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับคนรุ่นหลัง

Gen Y (พ.ศ. 2523-2540)

Gen Y หรือ Millennials คือคนรุ่นแรกที่เติบโตมาพร้อมกับอินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้พวกเขาเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีและการสื่อสาร คนเจนนี้มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบแสดงออก เป็นตัวของตัวเอง และต้องการอิสระในการทำงาน พวกเขาให้ความสำคัญกับงานที่มีความหมายและต้องการการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงเหมาะกับการทำงานแบบยืดหยุ่น (Flexible Work) และให้ความสำคัญกับการพัฒนาอยู่เสมอ

Gen Z (พ.ศ. 2541-2565)

Gen Z คือเจเนอเรชันที่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัลและอินเทอร์เน็ต พวกเขาเรียนรู้เร็ว มีความคิดสร้างสรรค์ และเชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดียเป็นพิเศษ เด็กเจนนี้เติบโตมาในยุคที่พ่อแม่ต้องทำงานทั้งคู่ ทำให้พวกเขามีความเป็นอิสระสูงและพึ่งพาตัวเองได้ดี นอกจากนี้ Gen Z ยังเปิดกว้างต่อความหลากหลาย ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และมองหางานที่มีความยืดหยุ่นและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มากกว่าการทำงานในกรอบแบบเดิม ๆ

Gen Alpha (พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป)

Gen Alpha คือเด็กที่เกิดและเติบโตมาในศตวรรษที่ 21 อย่างเต็มตัว พวกเขาจะคุ้นเคยกับเทคโนโลยีตั้งแต่เกิด และเติบโตมาในโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI และการสื่อสารแบบดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ คนเจนนี้ยังมีแนวโน้มที่จะฉลาดและปรับตัวได้รวดเร็วยิ่งกว่ารุ่นก่อน ๆ เพราะพวกเขาเกิดมาในยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมก้าวหน้าแบบไร้ขีดจำกัด

7 เคล็ดลับปกป้องผิวจากแสงแดด

0

7 เคล็ดลับปกป้องผิวจากแสงแดด

แสงแดดเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิว หากไม่ได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม อาจทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำ ริ้วรอยก่อนวัย และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังได้ การดูแลผิวจากแสงแดดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม วันนี้เราเลยมี 7 เคล็ดลับปกป้องผิวจากแสงแดดมาฝากกัน ซึ่งมีดังนี้

ปกป้องผิวจากแสงแดดด้วย SPF

ไม่ว่าคุณจะมีสีผิวแบบไหน การเผชิญแดดนาน ๆ ก็อาจทำให้ผิวหมองคล้ำ ไหม้ หรือเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังได้ จึงควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป ก่อนออกแดดอย่างน้อย 30 นาที และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง แม้ในวันที่ไม่มีแดดก็ตาม

เลือกครีมกันแดดให้เหมาะสม

รังสียูวีมี 2 ประเภทหลัก คือ UVA และ UVB ซึ่งส่งผลต่อผิวต่างกัน UVA ทำร้ายผิวสะสม ก่อให้เกิดริ้วรอย ส่วน UVB ทำให้ผิวไหม้ แสบ แดง การเลือกครีมกันแดดที่มี SPF 50 PA++++ จะช่วยปกป้องผิวจากทั้งสองรังสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงของความหมองคล้ำและริ้วรอยก่อนวัย

หลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงกลางวัน

แม้จะทาครีมกันแดดแล้ว แต่การอยู่กลางแดดเป็นเวลานานก็อาจทำให้ผิวหมองคล้ำได้ โดยเฉพาะช่วง 10.00 – 16.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่รังสียูวีเข้มข้นที่สุด หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรหาเสื้อผ้า หมวก หรือร่มมาช่วยปกป้องผิว และอย่าลืมทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมง เพื่อคงประสิทธิภาพในการป้องกันแดด

เลือกใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารกันแดด

การเลือกใช้แป้งพัฟหรือเครื่องสำอางที่ผสมสารกันแดดเป็นอีกวิธีที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีระหว่างวัน เพราะสาว ๆ มักจะต้องเติมหน้าหรือซับมันในระหว่างวัน นอกจากนี้อย่าลืมดูแลริมฝีปากด้วยการเลือกใช้ลิปบาล์มหรือลิปสติกที่มี SPF ซึ่งจะช่วยปกป้องริมฝีปากจากแสงแดดและป้องกันไม่ให้หมองคล้ำ เพิ่มประสิทธิภาพการปกป้องผิวได้อีกชั้น

ใส่แว่นตากันแดด

การใส่แว่นตากันแดดไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องดวงตาจากแสงแดด แต่ยังช่วยปกป้องผิวรอบดวงตาที่บอบบางจากรังสียูวีอีกด้วย การใช้แว่นตากันแดดจะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวรอบดวงตาหมองคล้ำและลดการเกิดริ้วรอยที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ให้ดวงตาของคุณสดใสและผิวรอบดวงตาดูอ่อนเยาว์ยาวนานขึ้น

ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ

แสงแดดเป็นสาเหตุหลักของการเกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งทำร้ายผิวและเร่งการเกิดริ้วรอย การเลือกรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และถั่วต่างๆ จะช่วยปกป้องและบำรุงผิวให้แข็งแรง สดใส สมวัย และช่วยซ่อมแซมผิวที่ได้รับผลกระทบจากแสงแดด

ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยซ่อมแซมการโดนแดดทำร้าย

การทาครีมกันแดดและการใช้เครื่องป้องกันผิวต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญ แต่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโดนแดดทำร้ายได้ 100% แม้จะระวังมากแค่ไหน ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวที่โดนทำร้ายจากแสงแดดก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เช่น เซรั่มหรือครีมที่มีส่วนผสมของวิตามิน C, วิตามิน E หรือสารสกัดจากธรรมชาติที่จะช่วยฟื้นฟูผิวจากความหมองคล้ำและรอยแดงจากแสงแดด นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงให้ผิวเนียนนุ่ม และลดริ้วรอยจากการถูกทำร้ายจากรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แหล่งที่มา : jcomfy.com

5 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนผลิตอาหารเสริม

0
ผลิตอาหารเสริม

5 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนผลิตอาหารเสริม

การสร้างแบรนด์อาหารเสริมถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจในธุรกิจสุขภาพ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน หากคุณกำลังมองหาวิธีในการเริ่มต้นธุรกิจอาหารเสริม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเตรียมความพร้อมและศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เพราะการผลิตอาหารเสริมไม่ใช่แค่การนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด แต่ยังต้องคำนึงถึงหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ นี่คือ 5 สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนเริ่มผลิตอาหารเสริม

ผลิตอาหารเสริม

เข้าใจความต้องการของตลาดและกลุ่มเป้าหมาย

ก่อนที่คุณจะเริ่มผลิตอาหารเสริม สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือการศึกษาตลาดอาหารเสริม และทำความเข้าใจ กลุ่มเป้าหมายของคุณให้ดี สิ่งนี้จะช่วยให้คุณสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์และตรงกับความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการเลือกประเภทอาหารเสริมที่นิยมในตลาดเช่น วิตามิน คอลลาเจน หรือโปรตีนเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ การเข้าใจตลาดช่วยให้คุณมีแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับการบริโภคในปัจจุบัน

การเลือกโรงงานผลิตอาหารเสริมที่มีมาตรฐาน

เมื่อคุณรู้แล้วว่าผลิตภัณฑ์ของคุณจะตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้อย่างไร การเลือกโรงงานผลิตอาหารเสริมที่มีคุณภาพและมาตรฐานก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก คุณต้องเลือกโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานต่าง ๆ และมีเครื่องจักรทันสมัย การเลือกโรงงานที่เชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์ประเภทที่คุณต้องการจะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์จะมีคุณภาพสูงและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค

การพัฒนาสูตรและเลือกสารสกัดที่เหมาะสม

การเลือกสารสกัดที่จะใช้ในผลิตภัณฑ์ของคุณเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการผลิตอาหารเสริม โดยคุณต้องเลือกสารสกัดที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้แน่ใจว่าอาหารเสริมที่คุณผลิตมีคุณค่าทางโภชนาการและปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ นอกจากนี้การพัฒนาสูตรอาหารเสริมก็ต้องคำนึงถึงทั้งประสิทธิภาพและความสะดวกในการบริโภค

การสร้างแบรนด์อาหารเสริมที่น่าสนใจ

หลังจากที่คุณได้ผลิตอาหารเสริมแล้ว การสร้างแบรนด์อาหารเสริมก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้สินค้าของคุณโดดเด่นในตลาด คุณต้องมีโลโก้ และแพ็คเกจจิ้งที่สะดุดตาและสามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้ดี รวมถึงการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์โดยการใช้การตลาดออนไลน์ และการรีวิวจากลูกค้า เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์กับลูกค้า

ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายและข้อบังคับ

การทำธุรกิจอาหารเสริมต้องทำความเข้าใจในด้านกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ เช่น การขอใบอนุญาตผลิตอาหารเสริม และการทำเครื่องหมายรับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ก่อนที่จะออกสู่ตลาด ทุกอย่างต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดเพื่อให้ธุรกิจอาหารเสริมของคุณไม่โดนปัญหาทางกฎหมายในภายหลัง

จับตามอง เทรนด์อาหารเสริม 2025

0

จับตามอง เทรนด์อาหารเสริม 2025

ธุรกิจอาหารเสริมในปี 2025 นั้นยังมีแนวโน้มที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากผู้คนต่างมองหาตัวช่วยในการดูแลตัวเองในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ หรือความงาม ทำให้อาหารเสริมเป็นตัวช่วยที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งปี 2025 นี้ เทรนด์อาหารเสริมนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงและมีความหลากหลายมากขึ้น สำหรับผู้ต้องการสร้างแบรนด์อาหารเสริม หรือผลิตอาหารเสริมใหม่ ๆ นั้นจำเป็นจะต้องติดตามเทรนด์เหล่านี้เอาไว้เสมอ โดยเทรนด์อาหารเสริมในปี 2025 มีดังนี้

อาหารเสริมจากพืช

อาหารเสริมจากพืชนั้นได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากความกังวลในเรื่องของสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ที่มาจากพืชมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม จะเห็นได้จากอาหารเสริมประเภทเวย์โปรตีนที่ทำเป็นโปรตีนจากพืชมากขึ้น นอกจากนี้ยังรวมไปถึงวิตามิน และอาหารเสริมทางโภชนาการอื่น ๆ อีกด้วย

อาหารเสริมคอลลาเจน

อาหารเสริมคอลลาเจนนั้นได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน และในปี 2025 อาหารเสริมประเภทนี้ก็ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้อาหารเสริมคอลลาเจนไม่เพียงช่วยในเรื่องของผิวพรรณหรือข้อต่อเท่านั้น แต่คอลลาเจนได้พัฒนาให้ดูแลสุขภาพในด้านอื่น ๆ มากขึ้น

อาหารเสริมสุขภาพจิต

ในยุคปัจจุบันที่ชีวิตมีเต็มไปด้วยความเร่งรีบ ปัญหาการเงิน ความกดดันจากที่ทำงาน และความสัมพันธ์ต่าง ๆ สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อสุขภาพจิต ซึ่งสุขภาพจิตก็ส่งผลต่อสุขภาพกายเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตมากขึ้น และอาหารเสริมที่ช่วยดูแลสมอง ปรับสมดุลของอารมณ์จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ

อาหารเสริมความงาม

อาหารเสริมความงามนั้นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณ ผม เล็บ ต่างเติบโตมากขึ้นเท่านั้น ทำให้ในปี 2025 อาหารเสริมประเภทนี้ยังได้รับความนิยม และถูกผลิตออกมาให้รูปแบบที่แปลกใหม่มากขึ้น เช่นรูปแบบเยลลี่ หรือกัมมี่

อาหารเสริมภูมิคุ้มกัน

การดูแลและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันนั้นเริ่มได้รับความนิยมในช่วงการระบาดของ Covid-19 มาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากระบบภูมิคุ้มดีจะช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรง ทำให้มีการผลิตอาหารเสริมเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันมากขึ้นซึ่งมักใช้ส่วนผสมที่ขึ้นชื่ออย่าง วิตามินซี สังกะสี วิตามินดี และสมุนไพรต่าง ๆ